เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๗ มิ.ย. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

พูดถึงศาสนานะ พระพุทธเจ้าสอนเรื่องสติปัญญา ฉะนั้นเราเห็นใจโยมนะ เวลาโยมมาจากกรุงเทพฯ มาไกล อุตส่าห์ทำอาหารมาก็เพื่อจะทำบุญกุศล ก็อยากจะให้มันดีนะ แต่พระเวลาเขาอยู่กันคุ้นชิน เขาจะงดอาหารวันเสาร์ วันอาทิตย์ เพราะคนมันเยอะ เห็นไหม งดวันเสาร์ วันอาทิตย์เพราะอะไร? เพราะว่ามันต้องตักอาหารนานใช่ไหม? เขาต้องการภาวนา

นี่พระมีกฎมีเกณฑ์ไง พระมีกฎมีเกณฑ์หมายถึงว่าพระจะฉัน จะกินแบบโยมไม่ได้ อย่างเช่นบางอย่างกินได้ กินไม่ได้ เห็นไหม อย่างฉันได้ ฉันไม่ได้ อย่างพวกผลไม้ พวกสิ่งที่มีชีวิต สิทธิของมัน อย่างเช่นการประเคน การไม่ประเคน ประเคนขึ้นมาเพื่ออะไร? เพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ ทีนี้ถ้าเอามาให้แล้วมันควรจะให้ ทำไมต้องมาประเคนอีกล่ะ? เพราะประเคนนี่ยื่นให้กับมือ เห็นไหม

สิ่งที่ของมันมีค่า เราไปหยิบกันเองไม่ได้ เขาเรียก “อุคคหิต” อุคคหิตหมายถึงว่าโยมก็จับอยู่ พระก็ไปจับต้องด้วยกัน ของนั้นประเคนไม่ขึ้นนะ ของนั้นเป็นวัตถุอนามาส อย่างเช่นผล ไม้ พระเห็นว่าสวยงามแล้วไปจับ ของนั้นประเคนไม่ได้แล้ว มันเป็นวัตถุอนามาส มันเป็นอุคคหิต ภิกษุกับญาติโยมจับพร้อมกัน ทีนี้โยมต้องจับแล้วภิกษุรับ ถ้าจับพร้อมกันนี่เขาป้องกันพระไง ป้องกันให้พระผู้ที่จะประพฤติปฏิบัติมันต้องมีสติปัญญา มันต้องมีความรอบรู้ตัว จะใช้ชีวิตแบบโยมไม่ได้

ฉะนั้น ความคิดของโยม โยมก็อยากจะอุปัฏฐากให้พระนี่อยู่ดี อยู่มีหลักมีเกณฑ์ แต่ความคิดของโยมนะ ดูสิในปัจจุบันนี้เปรียบเทียบเรื่องธรรมะนะ โลกนี้โลกร้อน แล้วทางนักวิทยาศาสตร์นี่ดูสิอย่างในกรุงเทพฯ อากาศเป็นพิษต่างๆ สิ่งแวดล้อมไม่ดี ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชน เรื่องโรคภัยไข้เจ็บ สุขภาพอนามัยไม่ดี นี่สิ่งแวดล้อมไม่ดี เห็นไหม เราต้องคุ้มครอง คุ้มครองโลก ดูแลโลกเพื่อใคร? ก็เพื่อเรา เพื่อมนุษย์นี่แหละ

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งแวดล้อมของพระ ธรรมวินัยของพระนี่สิ่งแวดล้อมที่ดี จะทำให้พระเป็นสิ่งที่ดี ปลาอยู่ในน้ำที่สะอาด อยู่ในน้ำที่ออกซิเจนที่ดี ปลาจะแข็งแรงมาก ปลาอยู่ในน้ำที่ไม่ดี ปลามันลอยตายหมดนะ นี้เอาแต่ความสะดวกสบายกัน นี่เราคิด ที่เราพูดอย่างนี้ให้โยมเข้าใจไง ว่าทำไมมาแล้วมันยุ่งมาก ยุ่งมาก ที่อื่นเขาไปไม่ยุ่งเลย ไม่ยุ่งเลย

ก็ไม่ยุ่งเลย สารพิษทุกอย่างก็ปนเปกันไปหมดไง แล้วมันก็ทำให้ปลาหงายท้องหมดเลย ปลาลอยไปตามแม่น้ำเลย ปลาอยู่ไม่ได้เลย แต่เรารักษาน้ำนั้น รักษาสิ่งแวดล้อมให้เป็นสิ่งที่ดี ปลาจะแข็งแรง ทุกอย่างมันจะเป็นสิ่งที่ดีขึ้น มันจะยุ่งมันจะยาก ดูสิเราก็ต้องทนเอา ว่าอย่างนั้นเลย ถ้าเราเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีเราจะทำนะ แต่ถ้าเราเห็นว่ามันไม่มีความจำเป็น ถ้าไม่มีความจำเป็นนะ ทุกอย่างสะดวกสบายตลอด พระกับโยมก็เหมือนกัน เห็นไหม

วัดไม่เหมือนบ้านนะ หลวงตาท่านสอนประจำ “บ้านกับวัดไม่เหมือนกัน”

บวร วัด บ้าน โรงเรียน ต้องอยู่ด้วยกัน แต่ถ้าผู้มีสติปัญญามันจะแยกส่วนกัน ไม่ให้คลุกคลีกันจนเกินไป ถ้าคลุกคลีกันจนเกินไปนะ ดูสิเวลาประพฤติปฏิบัติต้องวิเวก กายวิเวก จิตวิเวก สิ่งที่เป็นพิษจากข้างนอกนะ โลกเราต้องคุ้มครอง อย่างเด็กของเรา เห็นไหม เราจะคุ้มครองเด็กของเรา เราจะดูแลเด็กของเรา สิ่งแวดล้อมที่ดี เด็กมันจะได้สิ่งที่ดี แล้วธรรมะล่ะ?

หัวใจนี่ถ้ามีสิ่งที่ดีในหัวใจ สิ่งที่ดี ถ้ามันเป็นศีลธรรมที่ดี หัวใจเราจะพัฒนาขึ้นมา นี่หัวใจของเราคบใคร? อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราจะไม่คบคนพาล เราจะคบบัณฑิต เพื่อนเราต้องเป็นคนที่ดี ทุกอย่างต้องดีกับเราไปหมดเลย แล้วความคิดดีคิดชั่วล่ะ? นั่นน่ะเพื่อนที่สนิทกับเรามากที่สุดนะ

ความคิดมันเกิดกับจิตของเรา มันคิดอยู่ในหัวใจของเรา เราคบมันแล้วนะ นี่เพราะตัวจิตของเรา ตัวพลังงานเฉยๆ ความคิดมันอยู่กับจิต แล้วความคิด ถ้าเราคิดสิ่งที่ไม่ดี เราจะเอาอะไรไปแยกแยะมัน.. ศีลธรรมนี่ไง นี่ทุกคนว่าทำดีหมด ทำดีในศีล ๕ ทำดีในศีล ๘ ทำดีในศีล ๑๐ ทำดีในศีล ๒๒๗ ศีลมันละเอียดมากขึ้นๆ ไป ความดีของใครต้องเอาศีลธรรม บอกว่ารักษาศีลๆ เห็นไหม ไม่ต้องทำอะไรเลยรักษาศีล ก็ขอนไม้ไง

ศีล ๕ ต้องมีธรรม ๕ เราไม่ฆ่าสัตว์เราก็ปล่อยให้มันตายไปหรือ? ไม่ฆ่าสัตว์เราก็ต้องเมตตามันด้วย ช่วยเหลือเจือจานมัน เราไม่ลักทรัพย์ เรามีสิ่งใดเจือจานใครได้บ้าง เราไม่ผิดคู่ครองของใคร แล้วลูกหลานที่ดีเราก็ปกครองดูแลรักษา เราไม่โป้ปดมดเท็จ คนอื่นโป้ปดมดเท็จก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี นี่สิ่งที่ไม่ดี เราไม่ดื่มเรื่องยาดองของเมาเราไม่ทำทั้งสิ้น

เราไม่ทำแล้วต้องทำสิ่งตรงข้ามด้วย ถ้าเราไม่ทำแล้วเราไม่ทำสิ่งตรงข้ามด้วย ขอนไม้มันดีกว่าเราอีก ขอนไม้มันไม่ผิดศีลนะ นี่ขอนไม้ไม่ผิดศีลหรอก แล้วเราเป็นคนไม่ใช่ขอนไม้ ถ้าเป็นคนไม่เป็นขอนไม้นี่เราไม่ผิดศีลด้วย แล้วเราต้องทำตรงข้ามทำสิ่งที่ดีงาม

สิ่งที่ดีงาม เห็นไหม นี่ความดีมันดีของใคร? ดีในศาสนา ถ้าดีในศาสนานี่มีศีลมีธรรมขึ้นมา เวลาเกรงอกเกรงใจกัน ถ้าเกรงอกเกรงใจกันโยมก็มาพูดบ่อย เมื่อวานก็มา บอกว่า

“เขาจะขอนิมนต์ไป แล้วพระไม่เห็นใจโยมเลยหรือ?”

แล้วเราก็ถามเขากลับ “แล้วโยมไม่เห็นใจพระพุทธเจ้าเลยหรือ? พระพุทธเจ้าสอนอย่างไร? เห็นใจโยมๆ เห็นใจแต่ความสะดวกสบายกันไง แล้วธรรมวินัยสอนไว้ว่าอย่างไร?”

ธรรมวินัยบอกว่า “ไม่ทำศรัทธาให้เขาตกล่วง”

ถ้าเขามีความศรัทธา มีความเชื่อของเขา แล้วสิ่งนั้นมันมีความจำเป็น ไม่มีพระ ไม่มีเจ้า ไอ้นี่พระทั่วประเทศไทย ใครๆ ก็อยากจะไปกิจนิมนต์ แล้วพระที่เขาต้องการความสงบสงัดก็มีใช่ไหม? พระมันก็มีหลายชนิดนะ เห็นไหม พระเป็นผู้ประเสริฐ พระเป็นผู้ที่ดี ประเสริฐของใครล่ะ?

ถ้าเราไม่ประเสริฐนะ ความดีความชั่วในใจของเรา เรารู้ของเราชัดเจนมาก ถ้าเราจะดีมันต้องดีที่นี่ ถ้าเรารักษาใจเราแล้ว เราควบคุมใจเราไว้ได้ สิ่งที่ดีงาม แล้ววิธีการควบคุม เห็นไหม เวลาครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติขึ้นไป ดูพระพุทธเจ้าสิ ตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว อู้ฮู.. ธรรมนี้ลึกซึ้งมาก จะสอนใครได้อย่างไร? จะสอนใครได้อย่างไร?

แล้วพระจุนทะไปเห็นลัทธิศาสนาต่างๆ เวลาศาสดาเขาตายไปเขามีปัญหามาก มาถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “นี่เวลาศาสดาลัทธิอื่นๆ เขาตายไป ศาสนิกของเขามีปัญหากันมากเลย แล้วของเราจะเป็นอย่างนั้นไหม?”

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “จะไม่เป็นอย่างนั้นถ้ามีวินัย มีธรรมวินัย”

พระจุนทะก็บอกให้พระพุทธเจ้าบัญญัติธรรมวินัย พระพุทธเจ้าบอกบัญญัติไม่ได้ มันยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาจะบัญญัติไม่ได้ มีการทำผิดขึ้นมา แล้วสมัยพุทธกาล เห็นไหม ผู้ที่ปฏิบัติตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศนาว่าการปัญจวัคคีย์ ยสะและบริวารทั้ง ๕๔

“ภิกษุทั้งหลาย เธอเป็นผู้รอดพ้นทั้งบ่วงที่โลกและบ่วงที่เป็นทิพย์ เธอจงไปอย่าซ้อนทางกัน โลกนี้เร่าร้อนนักต้องการธรรมะ ต้องการสิ่งเจือจานในหัวใจ”

นี่เพราะเป็นพระอรหันต์ทั้งหมดไง มันถึงไม่มีความผิด มันถึงไม่ต้องบัญญัติธรรมวินัย สมัยพุทธกาล สมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ธรรมใหม่ๆ ไปเอาชฎิล ๓ พี่น้องก็ได้อีก ๑,๕๐๐ นี่ ๒,๐๐๐-๓,๐๐๐ องค์เป็นพระอรหันต์ทั้งนั้น มันไม่มีความผิดก็เลยไม่บัญญัติธรรมวินัย จนพระมากขึ้นๆ มีความผิดมากขึ้นๆ ก็บัญญัติธรรมวินัยขึ้นมา เห็นไหม พอบัญญัติธรรมวินัยขึ้นมา ธรรมวินัยนี้เป็นศาสดาของเรา ธรรมวินัยที่บัญญัติไว้ ลัทธิศาสนาอื่นเพราะไม่มีธรรมวินัย ไม่มีสิ่งนั้นเวลาศาสดาตายไปมันถึงมีปัญหา

นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไป เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน เห็นไหม บอกว่า

“ภิกษุทั้งหลาย เธอจงพิจารณาสังขารด้วยความไม่ประมาทเถิด! ด้วยความไม่ประมาทเถิด ธรรมวินัยจะเป็นศาสดาของเธอ”

ธรรมวินัยเป็นศาสดา แล้วเราไปเกรงอกเกรงใจโยมเขา โยมเขาก็ความคิดของเขาก็เห็นใจ เขามีศรัทธา ความเชื่อก็เข้าใจอยู่ แต่เราต้องพัฒนาของเราขึ้นมา พัฒนาของเราขึ้นมาให้เข้าถึงหลักธรรม ถ้าพัฒนาขึ้นมา เห็นไหม สิ่งแวดล้อมที่ดี นี่เราต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี เราต้องการหมู่คณะที่ดี สังคมที่ดี สังคมที่ดีเราต้องทำตัวเราดีด้วย แล้วพระเจ้าที่ทำดีแล้วเราต้องส่งเสริมขึ้น แต่ถ้าพระเจ้าที่ทำตัวไม่ดีงาม เราก็ไม่ไปยุ่งกับเขา

มีคนมาถามบ่อยว่าถ้าเราไปเตือนได้ไหม? เราว่าได้ ได้เพราะอะไร? ได้เพราะพระพุทธเจ้าฝากธรรมวินัยไว้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา

“มารเอย เมื่อใดภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไม่สามารถกล่าวแก้..”

การทำผิดธรรมวินัย มันผิดพลาดไปแล้วเราแก้ให้มันถูกต้องขึ้นมา พระพุทธเจ้าฝากเราไว้นะ นี่เรากล่าวแก้ กล่าวเพื่อจะให้มันถูกต้องตามธรรมวินัย เห็นไหม พระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับบริษัท ๔ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ฝากไว้กับเรา แล้วเราเห็นผิดต่อหน้าเราจะพูดได้ไหม?

แต่เราพูดไม่ได้ พูดไม่ได้เพราะอะไร? เพราะเขามีอิทธิพล เขามีหมู่คณะ นี่เราก็คัดค้านไว้ในใจ เราไม่เห็นด้วยในใจ เห็นไหม วินัยบังคับเป็นข้อกฎหมาย ธรรม! ธรรมคือพูดไปแล้วมันกระทบกระเทือนกัน มันเป็นสิ่งที่บาดหมางใจกันเราก็ไม่พูด เพราะมันเป็นนานาจิตตัง สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม เขาเห็นดีเห็นงามของเขา เราไม่เห็นดีเห็นงามของเขา เราก็ตามประสาของเรา

นี่มุมมองของใคร ความเห็นของใคร สัตว์โลกไง สายบุญสายกรรมของใคร เขาทำของเขามาสภาวะแบบนั้น เราค้านไว้ในใจ เราค้านของเราแล้วเราต้องมีหลักมีเกณฑ์ด้วย ถ้าเราค้านไว้ในใจแล้วเราไม่มีหลัก เห็นไหม ค้านไว้ในใจคนเดียว แล้วกระแสเขาไปหมดเลย ไอ้ค้านๆ นั่นเดี๋ยวก็จะไปกับเขา ถ้าค้านไว้ในใจ เรามีเหตุผลอะไรค้านไว้ในใจ เรามีเหตุผลความถูกต้องอะไรเราถึงจะค้านเขา เหตุผลถูกต้องกับธรรมวินัยอยู่ที่การฝึกฝนไง การกระทำไง เราทำเองเรารู้นะ เราสุข เราทุกข์ เรารู้

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่เราจะค้านเราต้องมีเหตุผลรองรับนะ การกระทำของเรา เราตั้งสติ เราจะภาวนาของเรา มันเป็นการกระทำของเรา เหตุผลคือผลที่มันเกิดขึ้น นี่ผลงานอันนั้น การทดสอบ ตรวจสอบของใจ มันบอกถูกผิดเรารู้อยู่ เพียงแต่เราสงสัย สงสัยเราก็ต้องมีครูบาอาจารย์ชี้นำ นี่ธรรมวินัยบอกว่า “ให้พึ่งธรรมวินัยเถิด อย่าเพิ่งตัวบุคคลเลย” แต่เราต้องสังเกตนะ

ถ้าตัวบุคคลอย่างเช่น หลวงปู่มั่น ครูบาอาจารย์ของเราธรรมเต็มหัวใจ ธรรมมาสถิตในใจของครูบาอาจารย์ของเรา เราไม่ได้พึ่งตัวบุคคล เราพึ่งธรรมในหัวใจครูบาอาจารย์เราต่างหากล่ะ เพราะในหัวใจครูบาอาจารย์เรามีธรรมแท้ๆ ธรรมแท้ๆ มันสะอาดบริสุทธิ์นะ สิ่งแวดล้อมที่ดีมากๆ เลย สัตว์อยู่มีแต่ความสุข ความอบอุ่น ความมั่นคงในหัวใจมากเลย แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีมันมีสารพิษนะ หายใจก็ไม่สะดวก ความเป็นอยู่ก็ไม่สะดวก จะทำอะไรก็ระหวาดระแวงไปหมดเลย

แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์ของเรานะ ทำตรงตามธรรมวินัย ทำเข้าไปนี่ดูซิท่านจะว่าอย่างไร ถ้าท่านว่าท่านจะฝืนธรรมวินัยได้ไหม? ธรรมวินัยอันเดียวกันใครจะฝืนได้ ใครฝืนไม่ได้หรอก นี้เป็นความจริงอันหนึ่ง เห็นไหม นี่ถ้าสิ่งแวดล้อมที่ดีนะจะไม่มีการขัดแย้ง มันจะไม่มีการต่างๆ ถ้าสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีมันมีกิเลสบวกเข้ามา มันมีกิเลสบวกในหัวใจเข้ามา จะทำสิ่งที่ไม่ดี เห็นไหม

เรามีเด็กอ่อนในสังคม เราจะต้องดูแลเด็กของเรา จะเป็นญาติ เป็นพี่เป็นน้องกับเรา จะเป็นหรือไม่เป็นก็แล้วแต่ เด็กก็คือเด็ก เด็กไร้เดียงสา มันไม่เข้าใจของมัน เราต้องคุ้มครองต้องดูแล ธรรมวินัยในหัวใจของเรา ถ้าเด็กอ่อน การไร้เดียงสาของจิต จิตมันไม่มีวิวัฒนาการ มันไม่เข้าใจของมัน เห็นไหม เราก็หวังพึ่งครูบาอาจารย์

เราต้องรักษาจากข้างนอก แล้วเรารักษาเข้ามาข้างใน แล้วเราจะเห็นเลยนะ เห็นถึงว่าชีวิตมันเป็นอย่างไร แล้วความเป็นไปในสังคมมันจะเป็นอย่างไร เราจะไม่ไปตีโพยตีพายไปกับเขา อยู่กับโลก แล้วเราต้องเข้าใจว่าโลกมันเป็นอย่างนี้ นี่คนชั่วมากกว่าคนดี คนดีมันมีส่วนน้อย แต่คนดีเป็นแกนของสังคมที่ทำให้สังคมอยู่รอดได้ ใจของเรา เราก็ให้สิ่งที่ดี เรายืนอยู่ในธรรมวินัยของเรา

โลกเป็นอย่างนั้น มันไม่มีอะไรดีไปหมด แล้วไม่มีอะไรชั่วไปหมดหรอก แต่ความดี ความชั่วมันเปลี่ยนแปลงได้ กุศลทำให้เกิดอกุศล อกุศลทำให้เกิดกุศล ในสมัยพุทธกาลนะพระเทวทัตจ้างให้คนไปฆ่าพระพุทธเจ้า เห็นไหม นายธนูไป ๔ คนไปฆ่าพระพุทธเจ้า แล้วก็จ้างอีก ๔ คนจะไปฆ่าคนที่ยิงพระพุทธเจ้า

นายแม่นธนูนะ ไปถึงพระพุทธเจ้าเทศน์เอา ๔ คนนั้นบวชเป็นพระอรหันต์หมดเลย ไอ้ ๔ คนที่จะฆ่า ๔ คนที่ไปฆ่าพระพุทธเจ้า รอแล้วไม่มาก็เดินตามไปหา พระพุทธเจ้าเทศน์เอาหมดเลย เห็นไหม จะไปฆ่าพระพุทธเจ้าเป็นอกุศลไหม? คิดว่าจะไปฆ่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเทศน์เอามาบวชเป็นพระอรหันต์หมดเลย

นี่กุศลทำให้เกิดอกุศล ไปดีมากเลย ไปวัด ไปวา ไปทำสิ่งที่ดี แต่เราไปเจอสิ่งที่ไม่ดีๆ เราก็ไปกับเขาหมดเลย เห็นไหม เราต้องพลิกแพลงให้เป็นกุศล พลิกแพลงให้เป็นความดี การพลิกแพลง การพยายามทำของเรา นี่คือความเพียรชอบ

ความเพียรชอบ งานชอบ ต้องมีการกระทำ ในพุทธศาสนาสอนถึงการกระทำ สอนถึงความเพียร ไม่มีสิ่งใดๆ เกิดขึ้นเอง เราถึงต้องทำทาน ทำทานคือฝึกฝนใจให้มันมีการเสียสละ พอจิตใจมันควรแก่การงาน มันเห็นผลที่ดีขึ้นมา มันจะแสวงหาของมันขึ้นมา.. ทาน ศีล ภาวนา ถึงที่สุดต้องภาวนา ภาวนาเพื่อแก้ไขดัดแปลง เห็นไหม เพื่อให้ใจเราพ้นจากทุกข์ให้ได้ เอวัง